โรคภูมิแพ้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การกำจัดและหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้แพ้และมีสุขภาพแข็งแรง ทำให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติ
โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ เพราะไม่ใช่โรคติดเชื้อ แต่จะติดต่อกันภายในครอบครัวเพราะเป็นโรคทางพันธุกรรม
โรคแพ้อากาศมักมีเพียงอาการคัน จาม มีน้ำมูกใสๆ แต่ไข้หวัดใหญ่นั้นจะมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย จามและแสบจมูก ระคายคอ ไอ และมีอาการตลอดทั้งวัน ต้องระวังโรคแทรกซ้อน เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วควรพบแพทย์ทันที
เราแพ้ทั้งสองอย่าง เพราะไรฝุ่นจะขับถ่ายออกมาเป็นฝุ่น ฟุ้งกระจายในห้องนอนและมุมอับๆ ส่วนฝุ่นในบ้าน ก็มีส่วนประกอบของสิ่งสกปรกอยู่มากมาย ดังนั้นเมื่อหายใจรับฝุ่นเข้าไปมากๆก็จะเป็นภูมิแพ้ได้เช่นกัน
โรคภูมิแพ้ที่ตาพบได้บ่อยๆ ซึ่งจะเกิดอาการที่หนังตา เยื่อตา กระจกตา และมักจะมาพร้อมกับภูมิแพ้ที่จมูก ที่ผิวหนัง และโรคหืด แต่จะคันที่ตามาก และจะมีเยื่อตาบวมแดง แต่ไม่ได้แดงจัดเหมือนโรคตาแดงที่เกิดจากไวรัส
ใช่ ถึงแม้จะใช้บริการกำจัดแมลงหรือเปลี่ยนผ้าปูที่นอนแล้ว ก็ยังไม่สามารถกำจัดไรฝุ่นได้ 100%
การขยี้จมูกบ่อยไม่ทำให้เป็นริดสีดวงจมูก แต่การเป็นภูมิแพ้เรื้อรัง อาจทำให้เป็นโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบและไซนัสอักเสบชนิดเรื้องรัง ผลที่ตามมาอาจจะทำให้เป็นริดสีดวงจมูกได้
ใช่ สำหรับผู้ป่วยโรคไซนัสเรื้อรัง ควรได้รับการตรวจโรคภูมิแพ้จมูกด้วย เพราะโรคนี้จะทำให้เยื่อบุโพรงจมูกบวม ทำให้รูเปิดรอบจมูกเกิดการอุดตัน จนกลายเป็นไซนัสอักเสบตามมา แต่ไซนัสอักเสบก็ยังมีสาเหตุอื่นร่วมด้วย
สามารถตรวจภูมิแพ้ได้ที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ โดยจะมี 2 วิธี คือ การทดสอบทางผิวหนังโดยการสะกิด และการเจาะเลือดตรวจหาสารก่อภูมิต้านทานที่ทำให้แพ้ (Specific Ig E)
การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังด้วยวิธีสะกิด เป็นวิธีที่ทั่วโลกใช้เพื่อวินิจฉัยโรคนี้ เช่น โรคแพ้อากาศ และโรคหืด เมื่อตรวจสอบด้วยวิธีนี้แล้วจึงสามารถนำสู่ขั้นตอนการรักษาได้อย่างแม่นยำ แต่ก็ฉีดเพียงตื้นๆ ใช้น้ำยาเพียงหยดเดียว ไม่อันตรายและไม่เจ็บ และยังมีวิธีอื่นอีก คือ การตรวจเลือด แต่ต้องรอผลนานกว่า ราคาแพงกว่าและอาจไม่ครอบคลุม บางคนตรวจเลือดแล้ว อาจจะต้องตรวจแบบสะกิดอีกครั้ง
จมูกและไซนัสอยู่ใกล้กัน และมีเยื่อบุชนิดเดียวกัน ติดต่อเป็นผืนเดียวกันผ่านทางรูเปิดปิดของไซนัสที่เปิดเข้าสู่โพรงจมูก เมื่อเป็นภูมิแพ้แล้วอาจลุกลามไปถึงโพรงไซนัสได้ โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นภูมิแพ้มาเป็นเวลานาน เมื่อตรวจไซนัสด้วย หากพบอาการจะได้รักษาควบคู่กันไป
ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ และโรคหืดไม่ควรสูบบุหรี่ ไม่ควรอยู่ในที่ๆ มีควันบุหรี่ ทั้งนี้ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ งดแอลกอฮอล์ ออกกำลังกาย เมื่อสุขภาพแข็งแรง โรคหืดก็จะไม่กลับมาอีก
ข้อดี : สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้กลับมาทำงานได้ปกติ จึงช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจ และโรคหืดได้ ช่วยให้ภูมิแข็งแกร่งขึ้น ป้องกันการแพ้ชนิดอื่น จนอาจรักษาหายขาดได้
ข้อเสีย : การฉีดต้องทำอย่างต่อเนื่องยาวนาน ระยะแรกอาจฉีดสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ค่อยๆ เพิ่มขนาดวัคซีน ต่อเนื่อง 3-6 เดือน และต้องเข้ารับการฉีดที่สถานพยาบาลที่พร้อม เพราะอาจเกิดภาวะแพ้ทั่วกายชนิดรุนแรงได้
ปัจจุบันมีวิธีการหยอดวัคซีนใต้ลิ้น ซึ่งมีผลดีเช่นเดียวกัน แต่ต้องใช้ขนาดสูงกว่า ราคาจึงแพงกว่ามาก
วัคซีนไรฝุ่นทำมาจากน้ำยาที่สกัดจากไรฝุ่น แต่ถูกปรับให้ใช้กับคนได้ การใช้วัคซีนไรฝุ่นจึงเป็นการค่อยๆ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน วิธีนี้สามารถควบคุมโรคได้นาน แต่การวินิจฉัยและการรักษาควรอยู่ในดุลยวินิจของแพทย์
ยาพ่นจมูกชนิดนี้ ออกฤทธิ์หดหลอดเลือด ทำให้เยื่อบุโพรงจมูกที่บวมยุบลง แต่เมื่อหมดฤทธิ์แล้วก็จะกลับมาบวมได้อีก หากใช้ต่อเนื่อง อาจทำให้คัดจมูกมากขึ้น จนหยุดยาพ่นไม่ได้ จึงไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 5 วัน
ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ มักจะมีอาการแพ้ชนิดอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่อายุน้อยๆ เริ่มแพ้ไรฝุ่น เมื่อได้รับสารก่อภูมิแพ้ชนิดอื่น ก็ยิ่งกระตุ้นอาการ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ในบ้าน เช่น ขนสัตว์เลี้ยง และเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้นอกบ้าน เช่น ละอองเกสร วัชพืช เชื้อรา และรักษาโดยการฉีดวัคซีน
ให้นำผู้ป่วยนอนกึ่งนั่งในที่อากาศถ่ายเท งดออกแรง ทำให้ร่างกายอบอุ่น ค่อยๆ จิบน้ำอุ่น ปลอบโยน หากมียาพ่นก็ให้ใช้ได้เลย แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล
ต่างกัน เช่น ขนาดตัว ไรฝุ่นนั้นเล็กจนมองไม่เห็น ตัวเรือดบนเตียงกินเลือดเป็นอาหาร จึงมีปากแบบแทงดูด แต่ไรฝุ่นไม่กัด ปากมีไว้กินพวกโปรตีน เช่น รังแค แบคทีเรีย ฯลฯ
ไรฝุ่นไม่สามารถกัดหรือต่อยคนได้ แต่มูลของมันทำให้ไอ จาม และหืดหอบ อาการคันน่าจะมาจากสาเหตุอื่น
ต้องดูดฝุ่นที่นอนออกมาวิเคราะห์ในห้องแล็บ โดยใช้หัวดักฝุ่นที่ออกแบบมาพิเศษ จากนั้นนำฝุ่นใส่ถุงเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส แล้วติดต่อที่ศูนย์บริการและวิจัยไรฝุ่น โรงพยาบาลศิริราช
ในประเทศหนาวเย็นก็มีปัญหาเรื่องไรฝุ่นเช่นเดียวกัน แต่จะเป็นคนละสายพันธุ์กับเขตร้อนอย่างบ้านเรา
ได้ หากเป็นผ้าทอทั่วไป เช่น ผ้าปูที่นอน Cotton จึงมีรูของผ้าที่ห่างประมาณ 500 ไมโครเมตร ไรฝุ่นผ่านได้สบาย จึงมีการคิดค้นผ้าที่ทอแน่นรูเล็กประมาณ 6-10 ไมโครเมตร ถี่จนไรฝุ่นและมูลไม่สามารถผ่านได้
บ้านของไรฝุ่นคือ “ที่นอน หมอน และตุ๊กตา” เพราะมีสภาพอากาศและความมืด มีอาหารโอชะ และยังมีเส้นใยที่ซับซ้อน ไรฝุ่นจึงซ่อนตัวได้อย่างสบาย เพิ่มประชากรได้มากมาย ส่วนในครัวพบสารก่อภูมิแพ้ชนิดอื่นมากกว่า
อาจจะมีและไม่มี เพราะแหล่งอาศัยของไรฝุ่นคือที่ๆ มีเส้นใย แต่ไรฝุ่นไม่ถูกกับแสงแดด และเมื่อไต่ตามตัวก็ไม่อันตราย เพราะไม่กัดคน ส่วนใหญ่จะแพ้มูลของมันมากกว่า
ช่วยลดได้ทั้งฝุ่นและไรฝุ่น แต่กำจัดไม่ได้ 100%
ดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์สำหรับป้องกันไรฝุ่นไมเท็กซ์